นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PRIVACY POLICY)
บริษัท เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด ( มหาชน )
บริษัท เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด ( มหาชน ) ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมใช้ และเปิดเผยข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามแนวทางที่กำหนดไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท และเนื่องจากข้อมูลดังกล่าวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มีลักษณะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และที่อาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ( “ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ” ) ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด และเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับความคุ้มครองสิทธิอย่างครบถ้วน บริษัทจึงจัดทำเอกสารฉบับนี้ขึ้นเพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้รับทราบและเข้าใจสิทธิของตัวเอง ตลอดจนวัตถุประสงค์ของบริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของตนเอง โปรดอ่านและทำความเข้าใจนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม
ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งบริษัท จะเก็บรวบรวมใช้ เปิดเผย และ / หรือโอนให้แก่ บุคคลภายนอกหรือผู้รับในต่างประเทศ ( ถ้ามี ) รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลส่วนบุคคลประเภทดังต่อไปนี้
• ข้อมูลส่วนตัว เช่น คำนำหน้า ชื่อ เพศ อายุ อาชีพ ตำแหน่งงาน สถานที่ทำงาน ที่อยู่สถานประกอบการ การศึกษา สัญชาติ ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยราชการ ( เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ เป็นต้น ) ลายมือชื่อ การบันทึกเสียง การบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ รูปถ่าย การบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด และข้อมูลประจำตัวอื่น ๆ
• ข้อมูลการศึกษาและการทำงาน เช่น ข้อมูลบนสำเนาบัตรนักศึกษา ระดับการศึกษาสูงสุด อาชีพและสาขาอาชีพ ตำแหน่งอายุงาน ปัจจุบัน รายละเอียดงาน
• ข้อมูลเพื่อการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ( อีเมล ) และข้อมูลสำหรับการติดต่อสื่อสารอื่น ๆ เช่น Line Facebook Instragram Tiktok เป็นต้น ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ หรือบุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน
• ข้อมูลการรับบริการ หรือการทำธุรกรรมทางธุรกิจ เช่น ข้อมูลการทำธุรกรรม ประวัติการใช้บริการ ประวัติการให้บริการ ข้อมูลการตอบสนองต่อการใช้บริการ ( Feedback ) ข้อมูลตัวชี้วัดความสำเร็จ ( KPI )ประเภทของผลิตภัณฑ์ และ/หรือการบริการ ราคาและปริมาณ หมายเลขคำสั่งซื้อ เงื่อนไข ( ถ้ามี ) ยอดคงเหลือ ประวัติการชำระเงิน ประวัติการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
• ข้อมูลบัญชีและข้อมูลทางการเงิน เช่นข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต หมายเลขบัญชีและประเภทของบัญชี ข้อมูลพร้อมเพย์ ทรัพย์สิน รายได้และค่าใช้จ่าย ข้อมูลการชำระเงิน
• ข้อมูลทางเทคนิค เช่น เลขที่อยู่ไอพีหรืออินเทอร์เน็ตโพรโทคอล ( IP address ) เว็บบีคอน ( web beacon ) ล็อก ( Log )ไอดีอุปกรณ์ ( Device ID ) รุ่นอุปกรณ์และประเภทของอุปกรณ์ เครือข่ายข้อมูล การเชื่อมต่อ ข้อมูลการเข้าถึงการใช้งานแบบ Single Sign-on ( SSO ) การเข้าสู่ระบบ ( Login Log ) เวลาที่เข้าถึง ระยะเวลาที่ใช้บนหน้าเพจหรือเว็บไซต์บริษัท คุกกี้ ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ ประวัติการค้นหา ข้อมูลการเรียกดู ประเภทและเวอร์ชันของเบราว์เซอร์ การตั้งค่าเขตเวลา ( Time zone setting ) และสถานที่ตั้ง ประเภทและเวอร์ชันของปลั๊กอินเบราว์เซอร์ ระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์ม และเทคโนโลยีอื่น ๆ บนอุปกรณ์ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้ในการเข้าถึงแฟลทฟอร์มการให้บริการของบริษัท
• ข้อมูลการใช้งาน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลบนเว็บไซต์ แพลตฟอร์มและการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ
• ข้อมูลอื่น ๆ ที่มีการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยโดยเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีต่อบริษัท เช่น ข้อมูลที่ให้ไว้ในสัญญา แบบฟอร์มหรือการสำรวจ หรือข้อมูลที่เก็บรวบรวมในเวลาที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าร่วมกิจกรรมทางธุรกิจ การสัมมนา หรือกิจกรรมทางสังคมของบริษัท
“ ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัวโดยแท้ของบุคคล แต่มีความละเอียดอ่อนและสุ่มเสี่ยงต่อการถูกใช้ในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม จึงจำเป็นต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลที่ละเอียดอ่อนไปยังบุคคลภายนอกหรือโอนไปยังผู้รับในต่างประเทศ ( ถ้ามี )ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้ง จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือต่อเมื่อกฎหมายอนุญาตให้กระทำได้
ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งบริษัท จะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนให้แก่บุคคลภายนอกหรือโอนให้แก่ผู้รับในต่างประเทศ ได้แก่
( ก ) ข้อมูลชีวภาพ ( เช่นใบหน้า ม่านตา ลายนิ้วมือ )
( ข ) ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอื่น ๆ ซึ่งแสดงอยู่ในเอกสารประจำตัว ( เช่น เชื้อชาติและศาสนา )
• ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สาม
• ข้อมูลของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท เช่น กรรมการ ผู้ถือหุ้น ผู้มีอำนาจกระทำการแทน บุคคลอ้างอิง ผู้คำประกัน ผู้จำนอง ต้องขอความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้น
2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อนำไปใช้หรือเปิดเผย บริษัทเก็บรวบรวมและนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้หรือเปิดเผยในวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
2.1 เพื่อประโยชน์ในการยืนยัน หรือระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อเข้าใช้งานบริการต่าง ๆ การเข้าร่วมกิจกรรม การทำสัญญา การปฏิบัติตามสัญญา และการให้บริการแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้มั่นใจว่าการให้บริการต่าง ๆ การจัดกิจกรรม ดังกล่าว รวมถึงการสื่อสารทั้งหมดของบริษัทมีความปลอดภัยและเป็นความลับ
2.2 เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการงานด้านต่าง ๆ แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมากยิ่งขึ้น
2.3 เพื่อติดต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ( Social Network ) โทรศัพท์ ข้อความ (SMS) อีเมล ( E-mail ) ไปรษณีย์ หรือผ่านช่องทางอื่นใด เพื่อสอบถาม หรือแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ หรือตรวจสอบและยืนยันข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือสำรวจความคิดเห็น หรือแจ้งข้อมูลข่าวสารอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัทตามที่จำเป็น
2.4 เพื่อประมวลผล วิเคราะห์ประโยชน์อื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น เพื่อประโยชน์ในการส่งมอบการสื่อสารการตลาด และกิจกรรมการศึกษาวิจัย จัดทำสถิติ สำรวจวิจัยและพัฒนาการจัดหาสินค้าและบริการ จัดทำและนำส่งข้อมูลทางการตลาดหรือการโฆษณาภายในกลุ่มบริษัท หรือเพื่อเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการจัดส่งเนื้อหา การโฆษณาประชาสัมพันธ์ กิจกรรมและโปรโมชั่นต่าง ๆ ตลอดจนการให้คำแนะนำต่าง ๆ ที่เหมาะสมเพื่อให้การบริการต่าง ๆให้ตรงกับความสนใจของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล การทำให้เป็นข้อมูลส่วนตัว ของเนื้อหาข้อมูลธุรกิจหรือประสบการณ์ของผู้ใช้ ป้องกันการฉ้อโกง ตลอดจนเพื่อปฏิบัติตามกฎฏหมายและข้อกำหนดการตรวจสอบภายใน
2.5 เพื่อทำการตลาด ทั้งนี้ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อน เพื่อวัตถุประสงค์ในการ 1)ติดต่อสื่อสาร ให้ข้อมูล หรือ แนะนำสินค้าหรือบริการต่าง ๆ 2)นำเสนอรายการส่งเสริมการขาย กิจกรรมการตลาด ส่วนลดโปรโมชั่น และสิทธิประโยชน์จากบริษัท และ/หรือ พันธมิตรทางธุรกิจ รวมไปถึง 3)ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล ( Data Analytics ) พฤติกรรมและความสนใจของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ( Customer Profiling ) เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีเฉพาะบุคคล หรือที่เหมาะสม หรือที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอาจสนใจ
3. ระยะเวลาในการจัดเก็บ
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะที่จำเป็น และเก็บรวบรวมเป็นระยะเวลานานเท่าที่จำเป็น ตามแต่ละประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลและวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ซึ่งปัจจุบันบริษัทกำหนดระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้นานที่สุดเป็นระยะเวลา 10 ปี นับจากวันสุดท้ายที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ร่วมกิจกรรม เข้าทำสัญญา หรือดำเนินธุรกรรมใด ๆ กับบริษัท อย่างไรก็ตามบริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนานขึ้น หากมีความจำเป็นตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
4. ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจถูกเปิดเผย
4.1 บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่เก็บรวบรวมให้กับบุคคลหรือหน่วยงานอื่น เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือมีเหตุที่กฎฏหมายกำหนด
4.2 บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมให้กับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่กระทำการตามคำสั่งของบริษัทภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ ในระดับเดียวกันกับที่บริษัทมีหน้าที่ต้องปฏิบัติต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
4.3 บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมให้กับบริษัทในเครือ พันธมิตรทางธุรกิจ และคู่ค้าของบริษัทซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการขายและการตลาดทางตรง เพื่อประโยชน์ในการวางแผนและดำเนินการทางการตลาด การติดต่อประชาสัมพันธ์ เสนอสินค้าหรือบริการ แจ้งข่าวสารต่าง ๆ โดยได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือเหตุอื่นที่กฎฏหมายกำหนด
4.4 บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กลุ่มบริษัทในเครือเท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้
5. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น มีสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562ดังนี้
5.1 สิทธิในการขอถอนความยินยอม : ในกรณีที่บริษัทมีการขอ และได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมุลส่วนบุคคล เพื่อเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อประโยชน์ในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการแจ้งขอถอนความยินยอมในการให้บริษัทใช้ข้อมูลดังกล่าวได้ทุกเมื่อและไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบตามที่ได้กำหนดไว้ แต่การถอนความยินยอมในบางกรณีก็อาจส่งผลให้ท่านไม่สามารถรับสิทธิประโยชน์ของบริษัทในบางประการ ท่านจึงควรทำการศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนถอนความยินยอม
5.2 สิทธิในการขอเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจัดเก็บไว้ : เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิ
ขอเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้จัดเก็บไว้ได้ ทั้งนี้โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูุลส่วนบุคคลกำหนด
5.3 สิทธิในการขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับจากแหล่งอื่น : ในกรณีที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่นซึ่งไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง หากบริษัทจะใช้ข้อมูลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ( เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎฏหมายเว้นให้ไม่ต้องแจ้ง ) ในกรณีนี้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถสอบถามและขอให้บริษัทเปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลได้
5.4 สิทธิในการขอให้โอนย้ายหรือส่งต่อข้อมูล : เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอาจมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัทเก็บรักษาไว้ในรูปแบบที่มีการจัดระเบียบแล้วและสามารถอ่านได้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และเพื่อส่งหรือโอนข้อมูลดังกล่าวให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น โดยการโอนหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อนี้ หมายถึงกรณีที่การส่งต่อนั้นสามารถทำได้ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ไม่รวมถึงการนำส่งหรือจัดส่งข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบอื่น
5.5 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล : เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ในกรณีต่อไปนี้
1) หากการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เป็นการเก็บรวมรวมได้โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมเนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎฏหมายของบริษัทหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ( เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ) หรือ
2) กรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
5.6 สิทธิในการขอให้บริษัททำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เคยได้ให้ไว้กับบริษัท กลายเป็นข้อมูลที่ ไม่สามารถใช้ระบุตัวตนได้ : เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งให้บริษัททำลายข้อมูลส่วนบุคคลของตน และ/หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนได้ให้ไว้กลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วน บุคคลได้ในกรณีดังต่อไปนี้
1) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามวัตถุประสงค์
2) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎฏหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
3) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวมข้อมูล ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล หรือบริษัทไม่มีเหตุผลที่จะใช้ปฏิเสธคำขอได้ หรือ
4) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย
5.7 สิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล : เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้ทันที ในกรณีดังต่อไปนี้
1) เมื่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในระหว่างการตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน หรือปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลนั้นให้เป็นข้อมูลปัจจุบันตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
2) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้น อาจถูกลบหรือทำลายได้ แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแจ้งขอให้ระงับการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แทนการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
3) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นแล้ว แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎฏหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฏหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฏหมาย หรือ
4) เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการพิจารณาการใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
5.8 สิทธิในการขอให้บริษัทปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ และเป็นข้อมูลที่ตรงตามสภาพปัจจุบัน : ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ไว้กับบริษัท หรือที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งให้บริษัทดำเนินการแก้ไข ปรับปรุงข้อมูลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ
5.9 สิทธิในการเรียกร้อง : ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพบว่าบริษัท และ/หรือลูกจ้างของบริษัทมีการดำเนินกการใดที่ฝ่าฝืนหรือไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องนั้นมายังบริษัท และ/หรือ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้ อนึ่ง โปรดทราบว่าเมื่อบริษัทได้รับแจ้งความประสงค์ในการใช้สิทธิใด ๆ จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะพิจารณาคำขอ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไปทั้งนี้ภายในไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว อย่างไรก็ตามบริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หากเป็นกรณีที่การใช้สิทธินั้นไม่เป็นไปตามข้อกำหนดตามกฏหมาย หรือหากบริษัทมีความจำเป็นและสิทธิตามกฏหมายที่จะปฏิเสธคำขอดังกล่าวได้
6. มาตรการป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือลูกค้ารั่วไหล
6.1 หากข้อมูลสูญหาย , ข้อมูลถูกขโมยไป หรือถูกผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตลบข้อมูลไป บริษัทจะแจ้งเจ้าของข้อมูลให้ทราบภายใน 72 ชั่วโมงนับแต่ได้ทราบ เว้นแต่ การรั่วไหลของข้อมูลดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อ สิทธิและเสรีภาพของบุคคล
6.2 บริษัทจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อพ้นกำหนด ระยะเวลา การเก็บรักษา หรือไม่เกี่ยวข้อง หรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือตามที่ร้องขอ หรือที่ได้ถอนความยินยอม
7. การติดต่อบริษัท
ท่านสามารถติดต่อแจ้งความประสงค์ของท่านต่อบริษัท เพื่อใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามช่องทางที่สะดวก ดังรายละเอียดการติดต่อดังต่อไปนี้
บริษัท เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด ( มหาชน )
เลขที่ 18 ซอยสาทร11แยก9 อาคารทีเอฟดี แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120
E-mail address : crm@jckhgroup.com
ประกาศ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2565